เกมไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์ ถูกเรียกอีกหนึ่งชื่อว่าเกมไพ่ 21 แต้ม เพราะวิธีการเล่นจะเป็นการรวมไพ่ให้ได้ 21 แต้มจึงจะถือว่าชนะเดิมพันและสามารถกินเงินได้ทั้งโต๊ะ สำหรับประวัติของไพ่แบล็คแจ็คนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนว่ามีที่มาที่ไปเป็นแบบใด แต่มีหลักฐานว่ามาจากประเทศฝรั่งเศส เพราะวิธีการเล่นไพ่ไปปรากฏอยู่บนรูปภาพของศิลปินท่านหนึ่งที่มีการวาดผู้คนในฝรั่งเศสนั่งเล่นไพ่ที่ภายในมือมีแต้ม 21 แต้ม แต่ในขณะเดียวกันไพ่แบล็คแจ็คก็มีลักษณะของการเล่นที่ไปคล้ายคลึงกับไพ่ของอิตาลี ซึ่งไพ่ชนิดนี้จะเป็นการวัดผลกันเมื่อไพ่ในมือมี 7.5 แต้ม และไปคล้ายกับเกมไพ่ของสเปนที่ถูกเรียกว่าไพ่ 31 แต้มด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะคล้ายหรือมีลักษณะการเล่นที่เหมือนกับไพ่ของประเทศใดก็ตาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่กติกาจะเหมือนกันคือการกำหนดแต้มขึ้นมาอย่างชัดเจนและมักจะลงท้ายด้วยแต้ม 1 ไม่ว่าจะ 21 หรือ 31 ถ้าเกินไปกว่านี้ถือว่าแพ้แต่ถ้าตรงตามแต้มจะถือว่าชนะขาดทันที

สำหรับความนิยมของไพ่แบล็คแจ็คถือกำเนิดขึ้นในประเทศอเมริกาที่มีเล่นกันอย่างแพร่หลายในช่วงปีค.ศ. 1800 โดยให้อัตราการจ่ายสูงถึง 1:10 แต่จะต้องเป็นการชนะด้วยไพ่ 21 แต้มเพียงแค่ 2 ใบแรกเท่านั้นจึงจะสามารถรับเงินเดิมพันไปครอบครองได้ แต่ด้วยกติกาที่ดูว่าน่าจะยากจึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมในช่วงแรกแต่เมื่อตัวไพ่ถูกปรับเปลี่ยนกติกาใหม่ที่จะ สามารถชนะ 21 แต้มได้ทั้งแบบ 2 ใบและ 3 ใบรวมไปถึงการหาคนที่มีแต้มใกล้เคียงมากที่สุดเป็นผู้ชนะ จึงทำให้แบล็คแจ็คเริ่มมีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางมากขึ้นและกลายมาเป็นเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

วิธีการเล่นไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์เป็นอย่างไร?

วิธีการเล่นไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์เป็นอย่างไร?

การเล่นไพ่Blackjack จะมีวิธีการเล่นที่ค่อนข้างเข้าใจง่ายและกติกามีไม่มาก จึงทำให้คุณสามารถศึกษาทั้งวิธีการเล่นกับกติกาได้ด้วยเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่ต้องการเล่นไพ่แบล็คแจ็คดูสักครั้ง ลองมาดูวิธีการเล่นกับ zabbet ดังต่อไปนี้

  1. เริ่มต้นเกมด้วยการแจกไพ่รอบวงคนละ 1 ใบ ก่อน 1 รอบเพื่อเป็นการลุ้นผล โดยจะเป็นการแจกให้กับผู้เล่นจากทางขวาไปซ้ายมือจนกระทั่งครบทุกคน สวนเจ้ามือจะได้ไพ่เป็นคนสุดท้ายและจะมีการแจกไพ่ใบที่ 2 ให้กับคนทั้งวงอีกครั้งจนครบ จากนั้นผู้ที่เล่นไพ่ก็สามารถลุ้นผลได้ทันที
  2. สำหรับการเล่นในรูปแบบคาสิโนออนไลน์สามารถเลือกได้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบเกมไลฟ์สดที่จะเป็นการเล่นกับผู้เล่นคนอื่นภายในห้องส่วนตัว มีดีลเลอร์เป็นเจ้ามือคอยให้บริการแจกไพ่และเปิดไพ่ให้อย่างครบครัน ส่วนอีกหนึ่งรูปแบบจะเป็นเกม Table ที่เป็นการเล่นกับโปรแกรม โดยจะมีเจ้ามือเป็นดีลเลอร์โปรแกรมที่จะแจกไพ่ให้กับคุณ ซึ่งการเล่นในแบบเกม Table นั้นจะเป็นการแข่งกับตัวโปรแกรม ซึ่งการเล่นของทั้ง 2 รูปแบบจะให้การลุ้นที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
  3. การเล่นในคาสิโนออนไลน์ คุณควรทำการสมัครสมาชิกกับทางเว็บZabbet168 พร้อมกับการโอนเงินเพื่อเข้าเล่นเกมก่อน คุณจึงจะสามารถเลือกรูปแบบเกมแบล็คแจ็คได้ตามที่คุณต้องการ

กติกาไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์ที่มือใหม่ควรรู้

กติกาของไพ่แบล็คแจ็คนั้นถือว่าไม่ยุ่งยากจนเกินไป เหมือนกับบาคาร่าออนไลน์พราะเมื่อทางดีลเลอร์หรือเจ้ามือแจกไพ่ให้กับคุณจนครบ 2 ใบแล้ว คุณสามารถที่จะนำขึ้นมาลุ้น ถ้าแต้มภายในมือของคุณครบ 21 พอดี คุณสามารถแบล็คแจ็คและชนะเดิมพันพร้อมกินเงินคนทั้งวงได้ทันที แต่ถ้าแต้มของคุณไม่ถึงคุณสามารถเรียกไพ่เพิ่มกับทางเจ้ามือได้อย่างไม่อั้น จนกว่าแต้มของคุณจะครบ 21 หรือใกล้เคียง 21 แต้มมากที่สุด แต่ทั้งนี้จะต้องห้ามแต้มเกินเด็ดขาด ถ้าเกินเมื่อใดจะถือว่าแพ้และผู้เล่นคนนั้นจะจบเกมไม่ต้องลุ้นต่อ ส่วนแต้มของไพ่จะใช้วิธีการนับจากจำนวนหน้าไพ่ตั้งแต่เลข 2 จนถึงเลข 10 จะมีจำนวนตรงตามหน้าไพ่ทั้งหมด ส่วนไพ่ที่มีสัญลักษณ์เป็น K Q J จะถูกตีเป็น 10 แต้มด้วยเช่นกัน ส่วนไพ่ A หรือ ACE จะถูกตีเป็น 1 หรือ 11 แต้มที่จะขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์

คำศัพท์ที่ถูกใช้ภายในเกมแบล็คแจ็คออนไลน์มากที่สุด

คำศัพท์ที่ถูกใช้ภายในเกมแบล็คแจ็คออนไลน์มากที่สุด

อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้วิธีการเล่นและกติกา คือเรื่องของคำศัพท์ที่มักจะถูกใช้ภายในเกมไพ่แบล็คแจ็คมากที่สุด ยิ่งถ้าคุณเล่นกับคาสิโนออนไลน์ด้วยแล้วคุณยิ่งต้องรู้คำศัพท์เหล่านี้ว่ามีความหมายอย่างไร เพราะถือว่าเป็นศัพท์สากลที่ถูกใช้ภายในคาสิโนกันมาอย่างยาวนาน เมื่อคำศัพท์เหล่านี้เกิดขึ้นผู้เล่นพนันจะรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ใด ดังนั้นลองมาทำความรู้จักกับศัพท์ไพ่แบล็คแจ็คดังนี้

  1. Hit

Hit หรือแบล็คแจ็ค Hit คือการที่คุณชนะตั้งแต่ 2 ใบแรกเป็น 2 ใบที่คุณสามารถสะสมแต้มแล้วรวมกันออกมาเป็น 21 แต้มพอดีจะถือว่าเป็นการแบล็คแจ็ค Hit นอกจากนี้คำว่า Hit ยังหมายถึงการชนะแบล็คแจ็คที่มากเกินกว่า 2 ใบได้อีกด้วย

  1. Stand

Stand คือการพักหรือการขอหยุดไพ่เพราะได้แต้มที่น่าพึงพอใจแล้วหรือคุณได้แต้มครบ 21 แบบจั่วไพ่หลายใบคุณจึงทำการขอ Stand สำหรับความหมายของพนันไทยอาจจะหมายถึงการอยู่, การยืนหยัด หรือการพอแล้วนั่นเอง

  1. Double Down

Double Down จะเป็นรูปแบบของการเพิ่มวงเงินเดิมพันให้มากขึ้น โดยจะเป็นการวางเดิมพันหลังจากการแจกไพ่จนครบ2 ใบทั้งรอบวงเป็นที่เรียบร้อยแล้วถ้ามั่นใจว่าไพ่มีคะแนนที่ดี สามารถข่มผู้เล่นคนอื่นๆ ได้จึงมีการเพิ่มวงเงินเดิมพันให้สูงขึ้นก็จะถูกเรียกว่า Double Down โดยการเพิ่มวงเงินเดิมพันนั้นสามารถเพิ่มได้สูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ แบบถูกกฎของทางแบล็คแจ็คอีกด้วย

  1. Split

การSplit คือการขอเจ้ามือแยกไพ่ออกเป็น 2 ขา ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากกรณีที่ไพ่ 2 ใบมีแต้มเท่ากัน แต่ถ้าคุณมีแต้มอื่นที่ไม่ใช่แต้มเท่ากันแต่ต้องการจะ Splitหรือแยกให้ออกเป็น 2 ขาก็สามารถทำได้เช่นกันเมื่อแยกไพ่ออกแล้วจะกลายมาเป็นไพ่ 2 ชุดที่คุณสามารถเรียกไพ่ได้อย่างไม่อั้นจนกว่าจะครบ21 แต้มหรือได้แต้มที่ใกล้เคียงกับแต้ม 21 ทั้ง 2 ชุดได้เช่นกัน

  1. Surrender

สำหรับการ Surrender คือการหมอบเมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าไพ่ในมืออาจจะแพ้ให้กับเจ้ามือ หรือเป็นไพ่ที่แต้มเกินไปกว่า 21 แล้ว ซึ่งไม่มีทางชนะได้ คุณสามารถทำ Surrenderได้ทันที!เพื่อเป็นการทำให้คนทั้งวงรู้ว่าคุณยอมแพ้แล้วนั่นเอง

  1. Insurance

การ Insurance หรือที่เรียกว่าประกันแบล็คแจ็คคือรูปแบบของการประกันเงินเดิมพันไม่ให้สูญเสียไปทั้งหมดมักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้เล่นรู้สึกว่าทางฝ่ายเจ้ามือน่าจะมีโอกาสแบล็คแจ็คได้มากกว่า เพราะการเล่นแบล็คแจ็คส่วนใหญ่แล้วเจ้ามือมักจะเป็นผู้ที่ต้องเปิดไพ่ 1 ใบเพื่อลุ้นผล การเปิดไพ่นี้จะต้องเปิดให้คนทั้งโต๊ะได้เห็น ซึ่งถ้าเปิดออกมาเป็นไพ่ที่จะทำให้ได้ลุ้นว่าอาจจะได้ 21 แต้ม ผู้เล่นสามารถทำการ Insuranceหรือการประกันภัยแบล็คแจ็คได้ทันที เมื่อประกันแล้วถ้าทางฝั่งของเจ้ามือเกิดแบล็คแจ็คขึ้นมาจริง คุณจะได้เงินคืนแบบเต็มจำนวนที่ประกันไว้ แต่ถ้าเจ้ามือไม่แบล็คแจ็คคุณก็จะเสียเงินเดิมพันนั้นไปทั้งหมด

อัตราการจ่ายไพ่แบล็คแจ็คคุ้มหรือไม่

สำหรับอัตราการจ่ายของแบล็คแจ็คนั้นจะมีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งยังมีการแยกออกเป็นผู้เล่น 21 แต้มแบบ 2 ใบแรก และผู้เล่น 21 แต้มแบบหลายใบที่จะให้อัตราการจ่ายแตกต่างกัน โดยแบ่งออกเป็นดังนี้

รวมสูตรแบล็คแจ็คออนไลน์เล่นง่าย ทำเงินดี ฝึกแล้วมีแต่เก่งขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมเล่นไพ่แบล็คแจ็ค เริ่มรู้ถึงวิธีการเล่นว่าเป็นอย่างไรและต้องการจะฝึกฝนฝีมือการเล่นไพ่ให้เก่งขึ้นพร้อมทำเงินกำไรให้กับตัวเองให้มากกว่าเดิมจึงต้องการสูตรที่จะช่วยเสริมทักษะในการเล่นไพ่ที่มีความชาญฉลาด ดังนั้นลองมาดูการรวมสูตรแบล็คแจ็คออนไลน์เล่นง่ายได้เงินดีฝึกแล้วเก่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอนคือ

รวมสูตรแบล็คแจ็คออนไลน์เล่นง่าย ทำเงินดี ฝึกแล้วมีแต่เก่งขึ้น
  1. การนับแต้มไพ่

ถ้าคุณต้องการเล่นแบล็คแจ็คให้ทำเงิน คุณควรเข้าสู่ห้องแบล็คแจ็คแบบไลฟ์สด จากนั้นให้คุณเริ่มดูตั้งแต่ตาแรกของไพ่ขอนใหม่ จากนั้นให้คุณนั่งจดแต้มไพ่ที่ออกไปในแต่ละรอบ เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าภายใน 1 สำรับที่จะมีไพ่ทั้งหมด 52 ใบและภายใน 1 ขอนไพ่ของคาสิโนจะมีตั้งแต่ 4-8 สำหรับ จะมีแต้มกับดอกไพ่จำนวนเท่าไหร่ เมื่อคำนวณออกมาแล้วคุณจะรู้ว่าไพ่ทั้งแต้มและดอกแต่ละแบบนั้นจะมีกี่ใบใน 1 ขอน

สำหรับการจะดูว่าของไพ่ของคาสิโนใช้อยู่กี่สำรับใน 1 ขอน คุณสามารถดูได้ภายในห้องไลฟ์สดที่จะมีดีลเลอร์ยืนจัดไพ่แบบสดๆ ที่โต๊ะเดิมพัน หรือบางคาสิโนจะมีการบ่งบอกไว้อย่างชัดเจนว่าใช้ไพ่กี่สํารับภายใน 1 ขอน ดังนั้นหากคุณคำนวณและเริ่มจดแต้มกับดอกของไพ่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือไพ่ที่คุณคิดว่าน่าเล่น เมื่อเล่นแล้วจะสร้างโอกาสของการชนะเดิมพันมากขึ้นก็ให้คุณเริ่มลงเดิมพันตั้งแต่ตานั้นได้ทันที หลักการจดแต้มไพ่และดอกไพ่นั้นให้คุณในจดไพ่ที่มีคะแนนต่ำ คือ 2-6 และไพ่ที่มีคะแนนสูง คือ 10 จนถึงสัญลักษณ์ K และ A แยกออกจากกันเป็น 2 กลุ่ม เพื่อทำให้คุณมองเห็นแต้มไพ่ที่เหลือได้ชัดเจนมากขึ้น

  1. กดดันเจ้ามือ

การเล่นไพ่แบล็คแจ็ค เจ้ามือจะต้องเปิดไพ่ของตัวเองก่อน 1 ใบเพื่อเป็นการลุ้นผล ซึ่งถ้าคุณเห็นว่าเจ้ามือมีไพ่แต้มสูงและน่าจะเข้าใกล้ 21 แต้มให้คุณใช้จุดนี้กดดันเจ้ามือด้วยการเพิ่มวงเงินเดิมพัน ยิ่งถ้าคุณมีแต้มอยู่ในมือต่ำกว่า 10 ให้คุณเรียกไพ่เรื่อยๆ พร้อมกับเพิ่มวงเงินเดิมพันให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามไปด้วย เพื่อเป็นการกดดันให้เจ้ามือจั่วไพ่ตามหรือแยกไพ่ออกเป็น 2 ขา ถ้าคุณสามารถกดดันให้เจ้ามือทำในลักษณะนี้ได้ก็มีสิทธิ์สูงมากที่เจ้ามือจะเจ๊งก่อนคุณ

  1. ไพ่สูงแล้วต้องแยกไพ่

เมื่อคุณได้รับไพ่ที่แจกมาจากเจ้ามือครบ 2 ใบแล้ว เมื่อนำขึ้นมาลุ้นไพ่ แม้ว่าจะไม่เกิน 21 หรือเข้าใกล้ 21 แต้มมาก เช่น รวมแต้มแล้วได้ตั้งแต่ 16, 17, 18 หรือ 19 แล้วคุณคิดว่ายังมีความเสี่ยงสูงที่คนอื่นอาจจะมีแต้มที่สูงกว่า ให้คุณแยกไพ่ออกเป็น 2 ใบ แล้วทำการเรียกไพ่เพิ่มใหม่ซึ่งไม่แน่ว่าคุณอาจจะชนะทั้งสองมือ ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง ไม่ให้คุณต้องกังวลว่าแต้มจะน้อยกว่าคนอื่นหรือไม่และไม่ทำให้คุณจั่วไพ่จนกลายเป็นพลาดแต้มเกินได้อีกด้วย

บริหารความเสี่ยงอย่างไรในแบล็คแจ็ค ให้เล่นง่าย ไม่มีพลาด!

เมื่อคุณเรียนรู้วิธีการเล่นแบล็คแจ็คและเข้าใจต่อกติกากับอัตราการจ่ายมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังมีสูตรการเล่นที่ทำเงินให้คุณได้มากขึ้น เรื่องต่อมาที่คุณควรรู้คือการบริหารความเสี่ยง เพื่อทำให้การเล่นแบล็คแจ็คของคุณทำเงินได้ง่าย ปลอดภัยและไม่ผิดพลาดมากจนเกินไป โดยมีวิธีบริหารความเสี่ยงดังต่อไปนี้

  1. แต้มเริ่มสูงต้องหยุด

การบริหารความเสี่ยงแรก คือเรื่องของแต้มในการลงเดิมพันที่คุณควรต้องหยุดเมื่อรู้ว่าแต้มเริ่มสูงขึ้น สำหรับภายในเกมแบล็คแจ็คนั้นจะชนะที่ 21 แต้ม แต่ถ้าแต้มของคุณไปไม่ถึง 21 ก็จะต้องให้ได้ใกล้เคียงมากที่สุด ดังนั้นเมื่อใดที่แต้มไพ่ของคุณเป็น 17, 18, 19 และ 20 คุณควรหยุดการจั่วไพ่เพิ่มทันที แต่ถ้าคุณต้องการดึงเวลาและได้ลุ้นมากขึ้นคุณสามารถดึงไพ่ออกเป็น 2 ขาได้ เพียงแต่ให้ใช้เงื่อนไขของไพ่ทั้ง 2 ใบที่จะต้องมีแต้มสูงทั้งคู่ เช่น 8 กับ 9, 8 กับ 10 หรือ 10 กับ K เป็นต้น

  1. การซื้อประกันเมื่อไม่มั่นใจ

การซื้อประกันหรือ Insuranceจะเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกไม่มั่นใจโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เจ้ามือโชว์ไพ่ 1 ใบออกมาเป็นแต้มที่ค่อนข้างสูงหรือเป็นแต้ม Aที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกกังวลว่าเจ้ามืออาจจะได้แบล็คแจ็ค ดังนั้นเมื่อคุณซื้อประกันไว้แล้วเจ้ามือเกิดได้ 21 แต้มจริงคุณจะได้รับเงินประกันคืนแบบเต็มๆ แต่ในขณะเดียวกันถ้าเจ้ามือไม่แบล็คแจ๊คคุณก็จะเสียเงินเดิมพันทั้งหมดด้วยเช่นกัน ดังนั้นคุณจะต้องวิเคราะห์ดูให้มั่นใจว่าไพ่ของเจ้ามือจะออกแบล็คแจ็คจริงหรือไม่

  1. วิเคราะห์ให้ดี

อีกหนึ่งวิธีช่วยบริหารความเสี่ยงของแบล็คแจ็คได้ดีทำให้คุณพลาดได้น้อยลง คือการวิเคราะห์เจ้ามือและผู้เล่นด้วยกัน รวมไปถึงการวิเคราะห์ไพ่ของตัวคุณเองเช่น ถ้าเมื่อใดที่คุณได้ไพ่ 2 ใบแต่กลับได้แต้มที่ไม่เกิน 8 แต้ม ให้คุณทำการขอไพ่ใหม่เรื่อยๆจนกว่าแต้มจะสูงถึง 16 หรือ 17 แต้มขึ้นไปคุณจึงค่อยหยุด, ถ้าคุณได้แต้มรวมเป็น 9 แต้มและไพ่ของเจ้ามือที่โชว์อยู่บนโต๊ะเป็นแต้ม 3 ไปจนถึง 6 แต้ม ให้คุณรีบลงเงินเดิมพันเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อเป็นการข่มและกดดันเจ้ามือ ทั้งยังเป็นการลุ้นไพ่ใบที่ 3 ถ้าเป็นแต้ม 10 ก็จะเท่ากับว่าคุณมี 19 แต้มในมือซึ่งถือว่าอยู่ได้สบายหรือเมื่อใดที่คุณได้แต้มรวมของไพ่ 2 ใบเป็น 10 แต้มส่วนของเจ้ามือเป็น 2 ไปจนถึง 9 แต้มให้คุณทำการ Double Down ทันที เป็นต้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *